วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

จักรยานภูเก็ต กับ ถนนจักรยาน

  

   

     เห็นประเทศทางแถบยุโรป ส่งเสริมให้ประชาชนใช้จักรยานเพื่อการสัญจรกันอย่างแพร่หลาย ก็เริ่มจะมีความคิดว่า เออ ดีเน๊าะ ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เฉพาะในกรุงอัมเสตอร์ดัมมีจักรยานถึง 7000,000 คัน นับเป็นการใช้อย่างแพร่หลายจริงๆ และประเทศนี้ยังมีเส้นทางจักรยานยาวกว่า 400 กิโลเมตร  เลยทีเดียว    ดูคลิปสวยๆ ที่ http://pantip.com/topic/32347501

          ในอังกฤษ ก็มีคนนิยมใช้จักรยานไม่แพ้กัน สำนักข่าว BBC เคยมีรายงานถึงการใช้จักรยานในอังกฤษ ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ปี 2012 ที่กรุงลอนดอน ซึ่งมีบันทึกไว้ว่า ได้มีการเช่าจักรยาน มากถึง 47,105 ครั้งภายใน วันเดียว 

    เห็นเช่นนี้แล้ว บ้านเราน่าจะมีการสำรวจกันบ้างว่า ประชาชนมีการใช้จักรยานกันมากน้อยแค่ไหน แต่ก่อนอื่น ลองมาดูสถานที่ ที่ภูเก็ตกันก่อนว่า มีการสนับสนุนให้ใช้จักรยานหรือไม่ อย่างไร เมื่อคนพร้อมแล้ว สถานที่จะพร้อมแค่ไหน


ที่ภูเก็ต :


   ภูเก็ต มีกลุ่มนักปั่นจักรยานสมัครเล่นผุดขึ้นมามากมาย(ตามกระแสหรือเปล่าก็ไม่ทราบ) แต่ยังไม่มีการรวมตัวกันเป็นชมรมให้เห็นชัดเจน ไม่มีการสนับสนุนจากทางราชการให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการริเริ่มจัดให้มีช่องทางขี่จักรยาน(Bicycle Lane)และการประกันความปลอดภัยในการขับขี่  

 อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจดูแล้ว ก็พบว่า ยังมีทางจักรยานที่คิดว่าดีที่สุด อยู่ที่ที่ปลายแหลมสะพานหิน  ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยามเย็นของชาวภูเก็ต ก็ถือว่าแบ่งกัน ช่วงเช้าให้ชาวนักปั่นใช้สิทธิ์ ช่วงเย็นก็ให้ชาวบ้านทั่วไปได้ใช้กันบ้าง


จุดปั่นจักรยาน สะพานหิน:

   เอาเป็นว่ามาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า สำหรับคนต่างถิ่นหรือคนท้องถิ่นถิ่นที่ไม่เคยมาใช้เส้นทางนี้ก็ขอให้ดิ้นรนมาให้ถึงสะพานหินกันก่อน แล้วกำหนดจุดเริ่มต้นกัน ที่ ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ก็ให้ปั่นในเลนจักรยานในทิศทางตามเข็มนาฬิกา ไปเข้าโค้งที่ปลายแหลมสะพาหิน เมื่อผ่านปลายแหลม จะเห็นศาลเจ้า สะพานหิน อยู่ทางด้านซ้ายมือ ให้ขี่ตามช่องทางจักรยานตรงไปข้างหน้า ผ่าน อีกด้านของศาลกรมหลวงฯ จนถึงอนุสาวรีย์ขุดแร่(คนท้องถิ่นเรียกว่าวงเวียนหอย) ให้ปั่นต่อไปจนบรรจบจุดเริ่มต้นที่ศาลกรมหลวงอีกครั้ง จะได้ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เรัยกว่า ปั่นกันในเส้นทางรูปวงรีนั่นเอง

    นักปั่นวัยหนุ่มส่วนใหญ่จะมาปั่นที่นี่ตอนเช้ามืด ก่อน 6 นาฬิกาและจะปั่นกันด้วยความเร็ว 35-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนนักปั่นสมัครเล่น ก็มักจะมาพบปะพูดคุยและดื่มกาแฟฟรีกันที่จุดขายอุปกรณ์จักรยานริมทาง


   
ตีโค้งตรงนี้ ก่อนถึงศาลเจ้า

    ทางจักรยานเส้นนี้ เป็นจุดขี่จักรยานปลอดภัยที่สุดในภูเก็ต ผู้ขับรถยนต์ส่วนใหญ่จะให้ความเคารพต่อนักปั่น  ถ้าต้องการปั่นเอาระยะทางก็ต้องทนจำเจเอาหน่อย เพราะต้องทำรอบ ถึง 20 รอบ เพื่อจะได้ระยะทาง 30 กิโลเมตร แต่ ส่วนใหญ่จะปั่นกันไม่เกิน 5 รอบ ก็บึ่งไปที่อื่น

   ข้อดีของการปั่นจักรยานที่นี่

 1 ปลอดภัย

2 ไม่มีรถปั่นสวนทาง

3 ไม่มีรถยนต์เข้ามารบกวน(เฉพาะช่วงเช้า)

4 กรณีมีรถยนต์ หลงเข้ามา รถส่วนใหญ่จะให้ความเคารพต่อนักปั่นจักรยาน

5 มีเพื่อนร่วมปั่น อาจจะได้อาศัยเป็นตัวปั่นนำเพื่อการปั่นไล่ ช่วยให้ไม่เบื่อ โดยเฉพาะนักปั่นสาวๆที่นี่ แข็งแรงมาก ถ้าผู้ไล่ไม่ฟิตจริงอาจทำให้คนไมาเจียมบอดี้ ถึงกับหายใจไม่ทัน

6 มีโอกาสพบเพื่อนใหม่ไม่ค่อยซ้ำหน้า ถ้าชอบพบปะผู้คน ก็หมาะทีเดียว
 
สะพานหินยามเช้า ถ่ายจากช่องทางจักรยาน


    ส่วนนักปั่นรุ่นใหญ่ ที่รวมกันตัวกันเป็นก๊วน ส่วนใหญ่จะนัดมารวมพลกันที่ปลายแหลมสะพานหิน  เส้นทางปั่นจะถูกกำหนดร่วมกันที่นี่ เช่น แหลมพันวา AV 30 เป็นต้น(สั่งรุนแรงเกินไปหรือเปล่าเนี่ย) ทีนี้ก็ได้เวลาออกก๊วนกันแล้ว  


   เส้นทาง เขื่อนบางวาด:

เริ่มต้นที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ระยะทางถึงสันเขื่อน 45. กิโลเมตร



เส้นทางรอบอ่างเก็บน้ำ 6.5 ก.ม.

     บางท่านอาจจะไม่สะดวก ก็อาจจะนำจักรยานใส่ท้ายรถไป หรืออาจจะ กำหนดจุดเริ่มต้นที่ ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลแล้วขี่ไปทางเส้นทางอำเภอเมือง-อำเภอกะทู้ ผ่านห้างแมคโคร ถนนเส้นนี้เป็นถนน4ช่องจราจร(ค่อนข้างหนาแน่น) เส้นทางขาไป เป็นโค้งเล็กน้อยและลงเนินตลอด ปั่นสบายและถนนสวยมาก  เมื่อมาถึงสามแยกเก็ตโฮ่ให้เลี้ยวซ้าย ขี่ผ่านมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก่อนถึงตลาดทุ่งทองประมาณ 300 เมตร ให้ เลี้ยวซ้าย เข้าสนามกอล์ฟ ปั่นเรื่อยๆตามถนนชลประทาน ไปจนถึงสันเขื่อน บางวาด แล้วปั่นเข้าเส้นทางรอบอ่างเก็บน้ำในทิศตามเข็มนาฬิกา

    ถนนรอบอ่างราดด้วยยางแอสฟัลส์ตลอด ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร  เป็นเส้นทางแนวราบเกือบโดยตลอด มีแค่บางตอนที่เป็นเนินเล็กๆ (เป็นขนมหวานถ้วยจิ๊บๆ) เสียอย่างเดียว ถนนบนสันเขื่อนปิดเนื่องจากเป็นเขตหวงห้าม นอกนั้นก็ถือว่าสอบผ่าน

   สำหรับท่านที่นำรถคู่ชีพใส่กะบะมาจอดบริเวณสันเขื่อนก็ไม่มีปัญหา แต่สำหรับท่านที่ปั่นมาตามเส้นทางภูเก็ต ทุ่งทอง เมื่อแวะเข้าอ่างเก็บน้ำ ตามเส้นทางสนามกอล์ฟ ก็อาจจะมีปัญหาตอนขึ้นสันเขื่อนเล็กน้อย(สำหรับสิงห์ทางเรียบทั่้งหลาย) แต่สำหรับกลุ่มนักปั่นเสือภูเขาขาแรงก็จะสะใจไปอีกแบบ 

   ส่วนอีกเส้นทางที่พอเป็นรูปธรรม ก็ที่ทางไปเกาะสิเหร่ แม้ช่องทางจักรยานจะเล็กแคบไปนิด แต่ก็ดีกว่าไม่มี ประจวบกับเส้นทางนี้ การจราจรยามเช้าไม่หนาแน่น ถือว่าเป็นเส้นทางที่ดีระดับหนึ่ง

     ส้นทางเกาะสิเหร่:


แผนที่ เกาะสิเหร่

     เส้นทางจากตัวเมืองไปยังเกาะสิเหร่ มี่ช่องจักรยานเล็กๆให้ใช้แต่ไม่มีใครใช่้ เพราะมันกว้างประมาณ 1 เมตร ควรมาปั่นในรอบเช้า เพราะช่วงเย็น การจราจรค่อนข้างแน่น

ช่องจักรยาน (Bicycle lane)

แม้จะเล็ก แต่ก็มีทั้งสองฟากถนน





    เมื่อปั่นมาถึง ทางแยกตรงวงเวียน หอนาฬิกา ก็ต้องเลือกเอาว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวาดี ถ้าไปทางซ้าย ก็จะเจอเส้นทางเป็นเนินที่ลาดยาวหลายช่วงแต่ไม่สูงชันมากนักเป็นเส้นทางที่นักปั่นหลายคนชอบใช้


วงเวียนหอนาฬิกา ซ้ายไปแหลมหงา.... ขวา หมู่บ้านไทยใหม่(ชาวเล)








    ส่วนเส้นทางแยกขวา ก็นับได้ว่าเป็นเส้นทางที่ท้าทายนักปั่นหน้าใหม่ เพราะเมื่อมาถึงชายหาดแล้ว ถนนที่ลาดไปทางหาดปลื้มสุข(ทางซ้ายของหาด) ค่อนข้างเป็นเนินชันพอสมควร หากใครวางแผนไม่ดี หรือมาเป็นครั้งแรก ก็จะได้รับเอาความเหนื่อยหอบ(หายใจทางปาก)ไปเป็นรางวัล



   ตอนใช้เส้นทางนี้ครั้งแรก ก็พาให้สงสัยว่า ทำไมถึงไม่มีเพื่อนร่วมทางเลย มีแต่นักปั่น ปั่นสวนทางมาเป็นระยะๆ ต่างคนต่างก็ยิ้มให้กัน ไม่รู้ว่า เป็นการยิ้มต้อนรับน้องใหม่หรือเปล่า ก็เป็นตามคาด กว่าจะผ่านเนินเหล่านี้ไปได้ก็หอบหน้ามืดขาสั่นไปเหมือนกัน ครั้งหน้าขอแก้ตัวใหม่จะลองปั่นตามเส้นทางแรกดู ไม่รู้จะมีปัญหาหรือเปล่า

    รวมระยะทางนับจากสะพานศรีสุทัศน์ ไปวนรอบถนนวงเเหวนที่สามแยกหอนาฬิกา ให้วนซ้ายจนมาบรรจบที่เดิม รวมระยะทาง 7.14 กิโลเมตร ใครไม่สะใจก็วนซ้ำอีกสักรอบสองรอบ ก็จะได้ระยะทางตามที่ต้องการ




    ขณะที่ปั่นเรียบไปตามเส้นทางเรียบทะเล เมื่อมองข้ามทะเลไปทางทิศตะวันออก จะเห็นเกาะรูปร่างยาวๆ เรียกว่าเกาะยาว แต่ก็ไม่เคยไปสักที ไปแล้วจะเอามาลง ตอนนี้ลองดูแผนที่ไปพลางๆก่อน แล้วกัน






 สำหรับท่านที่ต้องการพบปะเพื่อนนักปั่น ก็ลองปั่นไปตามเส้นทางหาดศิลาพันธุ์ จะพบนักปั่นมารวมตัวกันที่นี่จำนวนมาก

มีประมาณนี้

เส้นทางไปจุดนัดพบตอนเย็น เริ่มจากสะพานศรีสุทัศน์(สะพานข้ามเกาะสิเหร่)



  อีกเส้นทางที่น่าสนใจ: แหลมพันวา


    เริ่มที่สามแยกถนนศักดิเดช (ที่แยกจากถนนเจ้าฟ้าตะวันออก) ปั่นตรงไปเรื่อยๆ ผ่านชุมชนตลาดกวางตุ้ง บ้านบ่อแร่ ผ่านคลังน้ำมันปตท.(อ่าวมะขาม) ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต บริษัทไทยซาโก้จำกัด เมื่อมาถึงแหลมพันวา ให้ปั่นเข้าประตูรั้วของสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำไปตามเส้นทางเข้า ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จนไปสุดที่สะพานเทียบเรือ


เริ่มที่สามแยกถนนศักดิเช เจ้าฟ้าตะวันออก ระยะทาง 9.5 ก.ม.















    ด้วยระยะทาง 12.5 กิโลเมตรจากตัวเมือง เส้นทางราบเรียบ 80% มีเนินให้ทดสอบกำลังขาอยู่2-3เนิน (ทดสอบประสพการณ์การประเมินกำลังตัวเอง) แต่ก็ไม่หนักหนาอะไร แต่ที่หนักที่สุด ก็ตรงเนินบริษัทไทยซาโก้ อย่าลืมใส่เกียร์ต่ำตั้งแต่ต้นทาง (จะได้หายใจทางจมูกสบายๆ) พอผ่านเนินไปได้ ก็จะได้รับรางวัล ด้วยการจิบน้ำจากกระติก 1 อึกใหญ่ ก่อนจะใส่เกียร์หนักเดินหน้าเต็มตัวด้วยความเร็ว 40-45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่อย่าลืมออมกำลังไว้บ้าง เพราะข้างหน้ายังมีขนมหวานถ้วยเล็กๆอีก2-3 ถ้วย

       หลังจากนั้น ก็ไปเจอกันบนสะพานเทียบเรือ Navy Pier



สะพานเทียบเรือ (Navy Pier)



น่าจะเป็น เรือ ต. 218

ภาพยืนยันว่าใช่























   

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

ทดสอบ เส้นทางรอบเขื่อนบางวาด พร้อมกับลองรถใหม่ Merida Ride 100


วันเสาร์ที่ 17 มกราคม  ลองรถใหม่ เอาออกจากบ้านแต่เช้ามืด พอตั้งลำได้ก็กดตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยความเชื่อมั่นในตัวรถ และการเซ็ทระบบเกียร์มาจากร้าน พอปั่นไปได้สักกิโล ก็เริ่มออกอาการ เข้าเกียร์ได้ไม่สุด มีเสียงกรอกแกรก ตลอดเวลาน่ารำคาญใจมาก ถือเป็นการออกตัวที่ไม่ดีเลย เครื่องมือสักชิ้นก็ไม่ได้ติดรถมา ระหว่างทางก็ได้พบกับนักปั่นรุ่นพี่ที่อายุเยาว์กว่า ก็ได้ทักทายไปตามอัธยาศรัย ขี่ไปพลางก็หาทางแก้ปัญหาไปพลาง ในที่สุดก็ทนไม่ได้หลังจากปั่นไปประมาณ 8 กิโลเมตรก็ต้องมุ่งหน้ากลับบ้านมาเซ็ทเกียร์ใหม่


      ใช้เวลาเซ็ทอยู่ประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็นำออกไปทดสอบอีกครั้ง ก็ยังได้ไม่ดีนัก ดังนั้นวันนี้เลยต้องเปลี่ยนแผนนำรถไปติดอุปกรณ์วัดระยะทางแทน ได้เจ้าตาแมว(CAT EYE)ชนิดมีสายมาเพราะจ้าตัวไร้สาย(วายร์เลส) หมดพอดี ด้วยนิสัยใจร้อนก็เลยตัดสินใจติดมันเสียเลย ไม่อยากจะคอยอีกแล้ว อยากสะสมระยะทางตั้งแต่วันนี้เลย


       ตกเย็น (หลังจากที่พักกลางวันแล้ว) ก็นำรถไปลองที่เส้นทางเขื่อนบางวาด ลังเลว่าจะปั่นไปเองหรือบรรทุกรถไป เมื่อคำนวณดูแล้วเห็นว่า ควรพิจารณาความปลอดภัยไว้ก่อน จึงบันทุกจักรยานไป


อ่างเก็บน้ำเขื่อนบางวาด มองระยะไกล

    ใช้เวลาเดินทางจากบ้านไปเขื่อนบางวาดประมาณ45นาที คิดๆอยู่ว่า ถ้าปั่นมาเองน่าจะถึงพร้อมๆกัน(รถติดช่วงเย็น) ถ้ามีช่องทางจักรยาน การตัดสินใจจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง
ฝันไปก่อน


     วันนี้ปั่นรอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางวาด 2 รอบรวมระยะทาง 13 กิโล ดุูแล้ว เสือหมอบไม่เหมาะกับการปั่นที่นี้เลย ด้วยเส้นทางที่ไม่เรียบ และมีรถปั่นสวนทางไม่เป็นระเบียบ มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ประจวบกับ เป็นมือใหม่ จึงเกือบจะหลุดโค้งหลายครั้ง
    ด้วยอาการป่วยที่ยังไม่หายดี ก็เลยเกิดอาการเหนื่อยมากกว่าปรกติ

     สรุปเส้นทางการปั่นรอบอ่างน้ำ เขื่อนบางวาด
 1 ควรนำรถเสือภูเขามาจะสนุกและปลอดภัยกว่า
 2 การมาเขื่อน ควรมาช่วงเช้า ไม่ควรมาช่วงเย็นเพราะการจราจรระหว่างทางหนาแน่นและอันตราย หากประสงค์จะมาช่วงเย็น ควรจะบรรทุกรถมาไม่ควรขับขี่มาบนท้องถนน 
 3 ระยะทาง6.5 กิโลเมตร รอบอ่างน้ำ จะใช้เสือหมอบหรือเสือภูเขา ทำเวลาได้ไม่ต่างกัน
 4 มีคนมาปั่นช่วงเย็นไม่มากนัก สถานที่เหงาและวังเวง ยิ่งตอนค่ำ มืดมาก

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

ภายใต้เสือหมอบคันใหม่

     
วันนี้ขอคุยเรื่องการได้รถใหม่สักวัน:

    หลังปีใหม่ ได้ถอย Merida เสือหมอบมาหยกๆ(รุ่นเล็กสุด Ride 100 size S ขนาด 50 สีดำด้าน แถบเขียว 16 เกียร์ ราคา 1หมื่นปลายๆ) จับใส่กล่องแบกมาด้วยตัวเอง(ไม่ชอบรอการขนส่งทางไปาษณีย์) 

    กว่าจะได้แกะกล่องมาขี่ ก็ต้องผ่านอุปสรรคนานับประการ ตั้งแต่ต้องฝ่าด่านมนุษย์ขึ้น BTS(ถูกเจ้าหน้าที่ BTSไล่ไปขึ้นขบวนท้ายสุดด้วยความเกรงใจ) ลงจากBTS ก็ต้องกล้อมแกล้มหลอกแทกซี่แล้วอัดเข้าในรถด้วยหัวใจที่ไหวหวั่น(กล่องยาวกว่าความกว้างแท๊กซี่ กลัวใส่ไม่เข้าแล้วจะยุ่ง คงได้ประกอบขี่กันตรงนั้นแน่) 

    เมื่อมาถึงสถานีขนส่งสายใต้  ก็ต้องแบกกล่องจักรยานเดินว่อนก่อนจะเสียค่าฝากแทนการต้องเดินแบกไป 140บาท ต่อจากนั้น ก็ต้องลุ้นอีกว่า เจ้ารถVIP มันจะยอมให้นำของ(Size น้องยักษ์)ขึ้นรถหรือเปล่า..กว่าจะถึงภูเก็ต ก็ทุลักทุเล 

    มาถึงภูเก็ต กะว่าจะลองขี่ทันทีให้สมอยากสมความลำบาก(หลังกลับจากฉลองปีใหม่ที่กรุงเทพฯ) แต่ เกิดไม่สบายเสียก่อน ก็เลยยังไม่ได้แกะกล่องจนวันนี้(10 ม.ค.58)



10 มกราคม 2558

     วันนี้เป็นวันเด็กอาการป่วยพอทุเลาลงมาบ้าง แต่ลูกเสือยังหมอบอยู่ ยังไม่ได้ประกอบเลย แต่วันนี้เกิดอยากขี่จักรยานขึ้นมา ก็เลยควบเจ้าTrackเสือภูเขาคันเก่าออกไปฉลองวันเด็ก(10 ม.ค. 58) ..

    ด้วยอาการป่วยที่ยังไม่ทุเลา ทำให้กำลังและอรรถรสในการปั่นลดลงไปมาก ประจวบกับออกจากบ้านเย็นมากแล้ว ก็ต้องจำใจปั่นระยะสั้นที่สะพานหิน (รอบใหญ่รอบละ 2.96 กิโลเมตร จำนวน 7 รอบ)ปั่นด้วยความเร็วช่วง 23-28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

     วันนี้ปั่นได้ระยางทั้งสิ้น 25 กิโลเมตร ทำให้หายใจสะดวกขึ้นบ้างเสมหะที่ค้างในคอมาตลอด2สัปดาห์ลดลงไปมาก


    คืนวันที่ 13 ม.ค.ได้ฤกษ์แกะกล่องดูเป็นครั้งแรก

   เสาร์หน้า ตั้งใจว่าจะต้องฉลองของใหม่ให้ได้ การป่วยหลายวัน ทำให้ไม่ค่อยได้ปั่นจักรยานทางไกล วันนี้เกิดคิดถึงเจ้าอานแข็งขึ้นมาอีกแล้ว อยากหายป่วยเร็วๆจะได้ฉลองเจ้าหมอบคันใหม่เสียที

    เอาละเป็นไงเป็นกัน แกะกล่องวันนี้แหละ คู่มงคู่มือไม่ต้องดูมัน ประกอบให้เร็วเข้าว่า


ได้ฤกษ์ได้ยามแบบกกล่องออกมาแล้ว
เปิดกล่องแล้วยังงง ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน
แกะดูเป็นครั้งแรก
บรรจุมาแน่นกล่องอย่างนี้เอง มิน่า ตู แบกหนักเกือบตาย
ทำไมเหลือนิดเดียว

     พอแกะกล่องออกมา พาให้ใจแป้ว ทำไมมันเล็กอย่างนี้ฟะ ยิ่งเห็นว่าเป็น size S ด้วย ก็ยิ่งใจแป้วไปใหญ่ ตูจะขี่ได้ป่าวเนี่ย
วางพื้น เพราะไม่มีที่วาง
 เอ้า แกะออกขนาดนี้แล้วยังงงอีก ไม่รู้ทำไงต่อ
ชุดเกียร์ Shimano รุ่นอะไรก็ไม่รู้ มือใหม่จริงๆ เรา

    ไปซื้อทั้งที ความรู้ก็แทบไม่มี พอแกะกล่อง จึงรู้ว่า ของเรา ใช้ชุดตีนผีของ Shimano SOLA 16 Speeds ยังไงก็ไม่สนอยู่แล้ว ถือว่าซื้อมาแล้วก็ต้องดี ทุกอย่างขึ้นกับกำลังขามากกว่า


ไม่รู้จะเริ่มประกอบยังไง..ยังงง
เอาท่านี้แหละ พลางๆ..เดี่ยวดีเอง
ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง..ใจชื้น
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว,,

ตอนนี้...พร้อมลุย

 ขึ้นคล่อมดูแล้ว เล็กไปนิดเดียว แต่ไม่เป็นไร เราก้ไม่ได้ตัวใหญ่อะไรนักหนา อีกหน่อยก็คงชินไปเอง ประกอบเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ลุยแน่