ผมก็อดที่จะเผลอคล้อยตามความคิดด้านลบของตัวเองที่รู้สึกว่ารถที่เราปั่นมาตลอดเวลาเริ่มจะมีน้ำหนักมากขึ้นทุกวัน รถของคนอื่นดีกว่าของเรา..อะไรทำนองนี้...เข้าหลักย้ำคิดย้ำทำจนกลายเป็นกิเลสของการอยากอัพเกรดขึ้นมา บางคนก็แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนล้อก่อนซิใช้ลูกปืนดีๆจะทำให้ความฝืดลดลงรถก็จะแล่นได้เบาขึ้น ผมคล้อยตามและสัมผัสได้ทันทีว่า รถที่เราปั่นอยู่ทุกวันมันหมือนกับเรากำลังขี่ไปพลางเบรคไปพลาง ตัดสินใจทันที วันนี้ต้องไปอัพเกรดล้อให้ได้่จึงไปถามหาในงานนิทัศนาการจักรยานแห่งหนึ่ง ก็ได้ความว่า วงล้อไฟเบอร์ดีๆลดราคาแล้วตกคู่ละ 45,000บาทเอง ผมจึงต้องขอถอยกรูดออกมาตั้งหลักก่อน

ผมกัดฟันกรอด นึกโกรธตัวเองที่ไปถามราคาแบบไม่มีชั้นเชิงจนรู้สึกเสียศักดิ์ โมโหตัวเองไม่น้อยที่ไม่ถามกระเป๋าตัวเองก่อนไปสอบถามราคา แต่ก็ยังดีที่ยังเหลือศรีไว้ทำเฉไฉทำไปดูรถอีกคัน เป็นรถราคาระดับกลาง(เขาว่า) ราคาเบาๆแค่ 255,500 ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก คิดเอาว่า วันนี้แค่ดูไว้เป็นทานตา รอวันมีปัญญา(ตังค์เหลือเฟือ)แล้วค่อยซื้อ แข่งจักรยานพอแข่งไหวแต่แข่งความเป็นจริงมันแข่งกันไม่ได้ ยังไงเรายังไม่เหมาะที่จะใช้อุปกรณ์และจักรยานราคาขนาดนั้นอยู่ดี
เพราะน้ำหนักที่ลดลงแต่ละ100กรัม มีมูลค่าการลดน้ำหนักถึง 10,000 บาท ดังนั้นโดยตรรกแล้ว ถ้าผมจะใช้จักรยานที่เบาลงกว่าเดิม 1 กิโลกรัม ผมก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการลดน้ำหนักถึง 100,000 บาท เมื่อผมยอมจ่ายไปหนึ่งแสนแล้วผมก็จะได้จักรยานคันเดิมที่ปั่นได้เบาขึ้นเพื่อจะไปปั่นทางไกลได้สนุกขึ้นและเหนื่อยน้อยลง
แต่ไม่ว่าจะลดน้ำหนักจนรถเบาแค่ไหน น้ำหนักรถประจำตัวของผมจะหนักเกินพิกัด 1 กิโลกรัมอยู่เสมอเพราะผมจะต้องพกน้ำติดรถไม่ต่ำกว่า 1 ลิตรในการปั่นแต่ละทริป หมายความว่า มูลค่าน้ำของผม มีค่าขนส่งตกลิตรละ 100,000 บาท ตี๊ต่างว่าผมเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม ผมเลยเปลี่ยนขนาดกะติกให้เหลือ 500ซีซี ก็จะเสียค่าแบกน้ำหนักคิดเป็นมูลค่าเงินแค่ 50,000 บาทแทน แต่พอคิดไปคิดมา 50,000ก็ยังเป็นค่าแบกที่ยังแพงอยู่ดี ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อลงทุนตั้งแสนในการลดน้ำหนักรถลง1กิโลแล้ว ก็อย่าไปเพิ่มน้ำหนักรถจากการพกน้ำ 1 ลิตร อีกเลย ไปขอเขากินเอาข้างหน้าแล้วกัน
 |
โฆาณาให้ฟรีครับ |
ก็นานาจิตตังแล้วแต่จะคิดละกันครับ ลองไปดูคอมเมนต์ในเว็ปพันธ์ทิพย์เกี่ยวกับจักรยานราคาแสนกันดูบ้าง
จักรยาน 2-3 แสนถ้าได้ใช้บ่อย ไม่ใช่ค่าจักรยานหรอกครับ เป็นค่่าสุขภาพกายและสุขภาพใจมากกว่า คุ้มค่ามากๆครับ ถ้าไม่ได้ใช้ 2-3 พัน ก็แค่นั้น
จากคุณ | : keng_zebra  |
|
|
|
ความคิดเห็นที่ 35 |  |
หลังๆมันจะกลายเป็นห้องอวดอุปกรณ์ราคาจักรยานละ
ถามว่าโง่ไหมไม่โง่ครับ แต่ถ้าจะให้รถเบาขึ้น 1 โลด้วยเงิน 1 แสน ผมว่าลดน้ำำหนักตัวเองดีกว่า
จากคุณ | : ร้อยความเห็น |
เขียนเมื่อ | : 24 เม.ย. 54 08:17:11 A:124.121.59.67 X: TicketID:306875 |
| |
|
|
|
|
|
|
คันนี้รถ vintage ราคาซื้อ 8000 บาท หนักประมาณ 12 กก ปั่นซ้อมได้ แต่ให้ปั่นเป็นวัน ไม่มัน เหนื่อยมากๆ เกิน จะให้เอาไปอยุธยา ถ้ามีคันเดียวผมก็เอาไปได้ครับ
ใครบอกว่า ลด นน. ตัวเองดีกว่า คือคนที่ไม่ใช่นักปั่นจริง จักรยานเบามันมีคุณค่าในการปั่นสนุกกว่าครับ |
|
|
มาคิดอีกทีก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 35 ผมเองก็น้ำหนัก 73 กิโล ถ้าผมลดเหลือ 70 หายไป 3 กิโลก็คิดมูลค่าน้ำหนักที่ลดลงก็เท่ากับ 300,000บาท ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอลดน้ำหนักตัวเอง 3กิโลดีกว่า การลด 3กิโลจะทำให้รถต้องแบกน้ำหนักเบาลง 3 กิโล เมื่อเทียบเป็นมูลค่าน้ำหนักรถที่ลดลงก็เท่ากับ 300,000 บาท งั้นผมขอเลือกแบบนี้ไปพลางๆน่าจะเป็นการประหยัดเงินโดยไม่ต้องไปทำอะไรกับรถ ส่วนความเห็นที่ 52ผมก็คิดเอาว่า เออ...ถ้าจะจริงเหมือนกันแฮะ!เพราะที่ผมปั่นทุกวันนี้กว่าจะครบ70กิโล ผมแทบจะกระอักโลหิตออกมาเป็นน้ำก๊อกไปเลย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น