วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รายการปั่นเพื่อแม่ กับจักรยานเพื่อชาติ

   เป็นอีกครั้งที่วงการจักรยานคึกคักเป็นพิเศษที่งานนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมฯมาเป็นองค์ประธานในรายการปั่นเพื่อแม่ครั้งนี้ เป็นนิมิตรหมายที่ดีว่าการวงการจักรยานจะมีอนาคตที่สดใส
    จากการที่รัฐบาลมีภาระต้องรับผิดชอบต่อสุขภาพอนามัยของประชากรที่นับวันมีแต่จะสูงขึ้นทุกวันอันเป็นการสวนทางกับนโยบายสุขภาพดีถ้วนหน้าของรัฐบาลที่ประสพผลตั้งแต่ตั้งแต่ปี 2543 ทั้งนี้ นโยบายด้านสาธารณสุขในอดีตมุ่งจะส่งเสริมด้านโภชนาการและการรักษาโรคที่เกิดจากภายนอกหรือภาวะการติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่
     ด้วยภาวะสังคมอิ่มหมีพีมันทำให้โรคของคนไทยเปลี่ยนไป จากโรคผอมแห้งแรงน้อยพุงโรก้นปอดมาเป็นโรคอ้วนจากการกินอุดมสมบูรณ์จนเกิดปัญหาโรคเบาหวาน หัวใจ ไต ตับซึ่งล้วนเกิดจากภาวะการทุโภชนาการจากการบริโภคอาหารไม่ถูกส่วน มีสารปนเปื้อนหรือจากการเสพสารเสพติดให้โทษ ที่กล่าวมาทั้งหมดน่าจะเป็นหน้าที่ของหมอที่ต้องมามาพูดมาคุยแต่หมอส่วนใหญ่จะไม่ช่างพูดเอาแต่ตรวจและจ่ายยารักษาตามอาการ ก็น่าเห็นใจที่คุณหมอมีเวลาให้กับคนไข้ไม่เกินคนละห้านาทีหมอก็ต้องทำหน้าที่ตามเหตเฉพาะหน้า จึงเป็นเป็นหน้าที่ของคนไข้เองที่จะต้องคอยดูแลสุขภาพกันเอาเอง
    ในยุคสังคมผู้สูงอายุ ปัญหาใหญ่ของทุกรัฐบาลคือปัญหาการดูแลสุขภาพ ถ้าประชากรมีอายุที่ยืนขึ้นแต่สุขภาพไม่ดีก็จะเป็นภาระให้กับรัฐบาล ดังนั้นการมีอายุยืนก็ต้องต้องควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจ การมีปัญหาสุขภาพคือปัญหาของประเทศ รัฐบาลย่อมต้องหาทางแก้ปัญหานี้ให้ตกให้จงได้
    เริ่มจากการดูแลสุขภาพ ก็ต้องเปลี่ยนจากระบบMaintenance มาเป็นระบบ Preventive Maintenance คือการดูและสุขภาพตั้งแต่ยังไม่เกิดการเจ็บป่วย
    การ Preventive Maintenance ด้านสุขภาพ ทำได้ง่ายๆโดยการออกกำลังกายเป็นประจำควบคู่ไปกับการตรวจสุขภาพประจำปี แนวคิดการการปั่นจักรยานคือทางเลือกที่ดีในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ผลประโยชน์จากการปั่นจักรยานอย่างน้อยที่สุดคือการได้มีสังคมช่วงสูงวัยควบคู่ไปกับการได้ออกกำลังกายข้อสำคัญคือประหยัดและช่วยลดมลภาวะทางอากาศเป็นอย่างดี

       มาดูงบประมาณผลาญประเทศกันบ้าง
  งบประมาณที่มากที่สุดคืองบกระทรวงศึกษาธิการ อันนี้ก็ไม่ว่ากันเพราะการสร้างคนคือการสร้างชาติเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่งบกระทรวงสาธารณสุขคืองบที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และไม่สามารถสร้างกำไร จะจัดการกับมันยังไงดี



      เห็นทีรัฐบาลโดยกระทรวงสารณสุขและกระทรวงคมนาคมควรจะหันมาร่วมกันกำหนดนโยบาย "ประชาชนแข็งแรงชาติเข้มแข็ง" จะทำอย่างไรให้ประชาชนมีสุขภาพดีและไม่เป็นภาระกับงบประมาณ หนึ่ง ในสิบของงบประมาณแต่ละปีหมดไปกับงานสาธารณสุขในประเทศ        
         งบประมาณกระทรวงสารณะสุขปี 2558
    1 ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ               60,000.0 ล้านบาท
    2 แผนงานพัฒนาด้านสาธารณสุข                                                                        227.6 ล้านบาท
    3 ในส่วนสำนักงานประกันสังคม (แผนงานพัฒนาระบบประกันสุขภาพ)               12,000.0  ล้านบาท
   4.สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.)                                                  90,223.9 ล้าน บาท
   5.กรมการแพทย์                                                                                               5,922.5 ล้านบาท
   6.กรมควบคุมโรค                                                                                             3,750.3 ล้านบาท
   7.กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก                                      300.7 ล้านบาท
   8.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์                                                                           1,192.4 ล้านบาท
   9.กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ                                                                          1,040.1  ล้านบาท
   10.กรมสุขภาพจิต                                                                                             2,650.6 ล้านบาท
   11.กรมอนามัย                                                                                                 1,876.4 ล้านบาท
   12. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)                                                   797.6   ล้านบาท
   13.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.)                                                                85.4   ล้านบาท
   14.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)                                              1,427.1 ล้านบาท
   15.สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.)                                                         186.3  ล้านบาท
   16.โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน)                                                             37.8  ล้านบาท
   17.สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์การมหาชน) (สรพ.)                           97.7  ล้านบาท
   15.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ(องค์การมหาชน)                                                               69   ล้านบาท
   18 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ                                                           114,963ิ  ล้านบาท 
   19 กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน                                                                                 790  ล้านบาท
       ซึ่งทั้งหมดรวมเป็นงบประมาณด้านสาธารณสุขทั้งสิ้น                                    2.8  แสนล้านบาท 


      จากงบประมาณปี 2558 จำนวน 2.5 ล้านล้านบาทที่ถูกแบ่งเป็นงบของกระทรวงสารณสุขถึง 2.8แสนล้านบาทและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ หากเหตการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป รับบาลคงจะประสพความยุ่งยากในการจัดสรรงบประมาณมาใช้กับนโยบายสุขภาพดีถ้วนหน้า(ที่มีมาตั้งแต่ปี2543) ดังนั้นการส่งเสริมให้ประชากรในชาติมีสุขภาพที่แข็งแรงคือทางออกที่ง่ายและเป็นไปได้ที่เร่งด่วนและคุ้มค่าที่สุด 
       ในการส่งเสริมให้คนในชาติหันมาใช้จักรยานให้แพร่หลายไปทั่วประเทศไม่เฉพาะแต่เพื่อการออกกำลังกายเท่านั้นแต่ต้องส่งเสริมให้มีการใช้จักรยานเพื่อการสัญจรไปมาในระยะทางใกล้ๆด้วย ทำแค่นี้รัฐบาลก็จะประหยัดงบประมาณทางสาธารณสุข ประหยัดทั้งเงินตราต่างประเทศในการซื้อหาพลังานเชื้อเพลิงและยังเป็นการช่วยลดมลภาวะทางอากาศ นโยบายถนนสำหรับจักรยานควรถูกบรรจุในงบประมาณประจำปีของทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงสารณสุข

Cite: http://www.hfocus.org/content/2014/11/8550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น