วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558


  ได้ฤกษ์เหนื่อย กับ "ปั่นกันหรอยปั่นกันหลาว" # 2

    แค่แหลมพรหมเทพเอง.. ระยะทางแค่กึ่งหนึ่งของจุดหมาย.. ที่เราต้องไปให้ถึงและกลับให้ได้
     จากรายการปั่นกันหรอยปั่นกันหลาวครั้งที่ 2 ที่ได้รับการตอบรับจากนักปั่นทั่วภูเก็ต เป็นงานที่ประสพความสำเร็จในด้านจำนวนผู้เข้าร่วมและผู้ให้การสนับสนุน
   เป็นที่น่าเสียดายที่การรับสมัครครั้งนี้ จำกัดจำนวนแค่ 600คน แต่ดูจากผู้มาร่วมปั่นไม่น่าจะต่ำกว่า 1000 คัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
     มีคนมาลงทะเบียนรับเสื้อล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 28 แล้ว วันนี้ทุกอย่างเลยราบรื่น..ผมก็ขอเข้าไปร่วมเซ็นต์ชื่อด้วยคนเจ้าหน้าที่ก็อนุญาตุให้ผมลงทะเบียนแบบงงๆ ผมคิดๆไปแล้ว รู้สึกเหมือนเป็นลูกนอกสมรสที่ขอเกาะขาพ่อเพื่อขอร่วมเดินไปด้วย

ลงทะเบียนกันแต่เช้ามืด

   ก่อนการปล่อยตัว นักปั่นทุกคนได้รัปประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ ทางคณะผู้จัดงานได้เตรียมไว้คอยบริการอย่างเต็มที่ ผมในฐานะคนขายังไม่แรงจริง (ครึ่งสิงห์ครึ่งลา) ก็ ต้องเจียมบอดี้ ดื่มกินแต่พอประมาณ..กลัวจะทำเสียของระหว่างทาง

กองทัพเดินด้วยท้อง.. ท่าจะไม่ต้องไปปั่นรถกันแล้ว...ปั่นซาละเปากันดีกว่า

   นอกจากจะมีนักปั่นสมัครเข้าร่วมมากถึง 600 คนแล้ว ยังมีนักปั่นนอกสมรส(ล้อเล่น-สมัครไม่ทัน)ที่รวมกลุ่มกันเองเข้ามาร่วมกันหลายกลุ่มด้วยกัน..เรียกว่าหลากสีสันจริงๆ


มากันพร้อม






      นักปั่นบางคนที่มาเดี่ยว(เช่นตัวผม..อีกแล้ว)ก็ก้มหน้าก้มตาปั่น ไม่อยากถึงที่หมายเป็นคนสุดท้ายและก็ไม่อยากเป็นภาระให้คณะผู้จัด
(กลัวเป็นข่าว..นักปั่นรุ่นใหญ่แต่หน้าใหม่เป็นลมหมดสติต้องช่วยกันปฐมพยาบาลกันทุลักทุเล)
  บ้างที่ปั่นกันเป็นกลุ่ม..ก็คุยกันสนุกสนาน..แต่มีพี่คนหนึ่งแกมาแปลก ระหว่างทางที่แกปั่นปั่น..แกเปิดเพลง...สุรพล..สมบัตรเจริญมาตลอดทาง
  แต่ไม่ว่าจะเป็นใครและมารูปแบบไหน ทุกคนก็ล้วนมาถึงจุดหมาย(ครึ่งหนึ่งเส้นทาง)กันครบทุกคัน..เยี่ยมจริงๆ
     
    ถึงแล้ว..แหลมพรหมเทพ:


เกาะมัน มองจากลานโพธิ์ แหลมพรหมเทพ....ยังสวยเหมือนเดิม..แบบเดิมๆ


ถึงแล้วแหลมพรหมเทพ แบบ..งามๆ..และสวยแบบใหม่ๆ


                                   ถึงพรหมเทพแบบไม่ต้องมีคำบรรยาย


แม้จะเข้าช้า แต่ก็มาถึงนะค๊ะ

    เวลาผ่านไปไม่ถึง 35 นาที ชุดหัวลากแถวหน้า ก็มาถึงแหลมพรหมเทพเป็นชุดแรกแบบสบายๆ  นักปั่นบางคน ได้ยินเสียงเพลง 'แทบขาดใจ'  ดังกังวาลอยู่ในหูขณะกำลังปั่นขึ้นเนินแรกของแหลมพรหมเทพ..มีเท่าไรก็ต้องใส่กันให้หมด.. แปลกแต่จริง แทบทุกคัน(แต่บางคันก็ต้องเข็น-เล็กน้อยไม่ว่ากัน) ต่างก็ผ่านเนินนี้ไปได้(แม้จะทุลักทุเลไปบ้าง) แต่ก็มีเหตุน่าเสียใจนิดหนึ่ง ที่น้องคนหนึ่ง ถอดคลีทไม่ทันก็เลยล้มกลางถนน แต่ก็ได้เห็นน้ำใจของนักปั่นร่วมเส้นทางที่เข้าไปช่วยประคองด้วยความเป็นห่วง     
   คณะผู้ต้อนรับ(เจ้าภาพร่วมในฐานะเจ้าถิ่น-เทศบาลตำบลราไวย์) ได้กำหนดจุดถ่ายรูป(แลนด์มาร์ค)ชั่วคราวให้นักปั่นทุกคนได้ร่วมชักภาพกับน้องๆพริตตี้จำเป็น ณ.จุดถ่ายภาพ ช่างเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจมากจริงๆ



พริตตี้น่ารักจากเทศบาลตำบลราไวย์

    เครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบกระป๋องแรกที่ส่งถึงมือ (ขณะกำลังกระหายจัดๆ ตอนมาถึง) ช่างมีอรรถประโยชน์เท่ากับเบียร์แช่เย็นเจี๊ยบ 1 ลัง

เครื่องดื่มแช่เย็นเจี๊ยบ


          คุณทราย... มาถึงแหลมพรหมเทพแบบสบายๆสุดๆคนหนึ่ง


คู่ที่ไม่เคยขาดแม้แต่งานเดียว พี่ติ่น พี่กุ่ย



ยินดีต้อนรับ....คุณแดง กับ ชุดสวยๆ...คุณน้องแกไม่เคยห่างจากสีสันเลยจริงๆ

นายกเล็ก อรุณ โสฬส(ที่3จากซ้าย)ให้เกียรติถ่ายภาพร่วม กับนักปั่นหนุ่มขาหล่อและนักปั่นสาวขาหมวย


     
      ได้เวลากลับแล้ว:

พี่ยังไหว...สบาย








ชุดหัวลาก เตรียมพร้อมนำไปวัดหลวงปู่สุภา



ชุดนี้ก็รีบไปไม่บอกกล่าว


   

  

      ถึงวัดหลวงปู่สุภา








ถนนรอบอ่างกะทะ




ถนน..จุดที่ยังทำไม่แล้วเสร็จ ของเส้นทางรอบอ่างเก็บน้ำ





ทางที่ดูเหมือนกันดาร....แค่ 50 เมตรเอง นอกนั้นสบายหมดแล้ว



กลับออกจากวัดหลวงปู่สุภา มุ่งกลับจุดปล่อยตัวสะพานหิน




      ถึงแล้ว เส้นชัยที่จุดปล่อยตัว..สะพานหิน



มาถึงแล้ว ก็มีน้องๆมาคอยปรบมือต้อนรับ..หายเหนื่อยกับเสียงกรี๊ดนี้แหละ




โค้งสุดท้าย





เรียวแถวเข้าเส้นชัย






เข็นเข้าเส้นชัยแบบป้อแป้. ฮาย....50 โล บายๆ











สแตมป์เป็นขั้นตอนสุดท้าย





พอถึงเส้นชัย ก็หมดแรงถึงกับพับไปเลย




อร่อยจริงหรือไม่  ขอพี่ติ่นทดสอบก่อน
..






วันนี้ ได้ระยะทาง 52 กิโล






นี่ก็ต้อนรับกันด้วยแตงโมหวานชุ่มคอ




ของกินเล่นจากบลูอันดา ช่วยชดเชยพลังงานที่ใช้ไปร่วม 970 กิโลแคลอรี่



รอลุ้นรางวัล



พิธีกรคนเก่ง..คุณบี



                                ได้รับรางวัล ภูเก็ต-สมุยจาก บางกอกแอร์เวย์



                                                             ภาพนี้ต้องขยาย


                Cerve'lo ราคา 14 หมื่น ทำให้ผมต้องจบบทความแบบดื้อๆตรงนี้ ......อยากได้มาก จน




น้ำลายไหล







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น